| บทนำ |
| ACRIPTEGA (TLD) เป็นยาต้านไวรัสเอชไอวีชนิดเม็ดรวมที่ทาง สปสช.และคณะกรรมการพัฒนา ระบบยาแห่งชาติประกาศตั้งแต่ 31พฤษภาคม 2565 ใช้ทดแทนยากลุ่มเก่า ทำให้ผู้ป่วยโรคเอชไอวีของ โรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความกังวลเรื่องยาใหม่และเรื่องภูมิคุ้มกันของตนเอง |
| วัตถุประสงค์ |
| งานศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบวิจัยเชิงพรรณนาย้อนหลัง (Retrospective descriptive study) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบค่าจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 (CD4 count) ของผู้ป่วยเอชไอวีก่อนและหลังปรับยา ACRIPTEGA (TLD) ที่รับการรักษาในโรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ถึง 31 มีนาคม พ.ศ.2566 |
| วิธีการศึกษา |
| ศึกษาผลการตรวจห้องปฏิบัติการก่อนและหลังปรับยา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วยทุกรายในคลินิกเอชไอวีของโรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาTLD ทั้งนี้ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวนั้นได้รับการตรวจผลทางปฏิบัติการจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 และผลปฏิบัติการอื่นๆ หลังจากปรับยาอย่างน้อย 3 เดือนและผู้ป่วยต้องกินยาตรงเวลาอย่างน้อยร้อยละ 98 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลและแบบบันทึกผลค่าเลือดห้องปฏิบัติการต่างๆ โดยวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติพรรณนาเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูล CD4ก่อนและหลังการปรับยาด้วยสถิติ Wilcoxon Signed-Rank Test ตามข้อกำหนดทาง สถิติแบบ Dependent Nonparametric Tests ของกลุ่มประชากรไม่มีการแจกแจงแบบปกติ |
| ผลการศึกษา |
| เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของCD4 ก่อนและหลังปรับยา ผู้ป่วยเอชไอวีมีค่าจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดCD4 เฉลี่ย 582.62±268.1 cell/ul และ 668.61±287.06 cell/ul ตามลำดับ ซึ่งจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 หลังปรับยาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ค่า Z = -10.539 (P=0.000) |
| สรุป |
| เปรียบเทียบค่าจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 (CD4 count) ของผู้ป่วยเอชไอวีก่อนและหลังปรับยา ACRIPTEGA (TLD) ตาม สปสช.กำหนด ที่รับการรักษาในโรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีค่าจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ |
| คำสำคัญ |
| เอชไอวี จำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ยาต้านไวรัสเอชไอวี ACRIPTEGA (TLD) |